วาล์วลูกลอยถังน้ำ หรือ ถังเก็บน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ถังน้ำบนดิน หรือถังน้ำใต้ดินก็แล้วแต่ มีความสำคัญมาก กับระบบการเก็บกักน้ำ ไว้ใช้ภายในอาคารบ้านเรือนมากพอๆ กับปั๊มน้ำเลยทีเดียวถ้าไม่มีอุปกรณ์ตัวนี้ เราจะต้องคอยปิดเปิดวาล์วน้ำเอง มิฉะนั้นน้ำก็จะไหลล้นออกจากถังน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์
การเลือกซื้อ "วาล์วลูกลอย" นั้น เราจะต้องรู้ขนาดท่อเสียก่อน ว่าใช้ท่อขนาดไหนก็ต้องซื้อวาล์วขนาดเดียวกันที่นิยมใช้กันก็มี 3 ขนาดคือ1/2 นิ้ว(4 หุน), 3/4 นิ้ว(6 หุน), และ 1นิ้ว แต่ที่นิยม
ใช้มากที่สุดคือ3/4 นิ้วถือว่าเป็นขนาดที่กำลังพอเหมาะพอดี อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญในการเลือกซื้อก็คือ "คุณภาพของวาล์วลูกลอย" ไม่ควรใช้วาล์วราคาถูกที่มีคุณภาพต่ำ ควรใช้วาล์วยี่ห้อดีๆ มีคุณภาพ มิฉะนั้นท่านจะต้องมาปวดหัว กับอาการน้ำล้นถังที่เกิดจากวาล์วปิดไม่สนิท หรือวาล์วหมดอายุไวเกินไป ถ้าท่านอยู่บ้านก็ดี แต่ถ้าท่านไม่อยู่บ้าน กลับมาท่านอาจจะพบว่าบ้านของท่านแปรสภาพเป็นอ่างเก็บน้ำไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ถึงสิ้นเดือนท่านอาจเป็นลม เมื่อเห็นบิลเก็บค่าน้ำก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นท่าน ไม่ต้องกลัวสิ้นเปลืองในจุดนี้ เดี๋ยวจะเข้าตำรา "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย"
![](http://www.bp-tanks.com/images/introc_1234420532/hhhhh.jpg)
ชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุด ของวาล์วลูกลอย ก็คือ "ตัววาล์ว"หรือลิ้นปิดน้ำนั่นเอง ซึ่งทำมาจากยางพารา ในลักษณะเดียวกับยางในรถยนต์ มีคุณสมบัติยืดหยุ่นได้เล็กน้อยเพื่อซีลหรืออุดช่องว่างระหว่าง ตัวลิ้น กับ บ่าวาล์วให้แนบสนิทไม่เกิดรูรั่วขึ้น เมื่อใช้งานไปนานๆ จะเกิดการยุบตัวและแข็งตัวไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม ทำให้คุณสมบัติของซีลนั้นหมดไป ลิ้นนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 1-3 ปีขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน เพราะฉะนั้นที่ถ้าเราบอกว่า"วาล์วลูกลอย"เสีย ตัวที่เสียจริงๆก็คือ "ลิ้นยาง" นี่เอง แต่ยังมีวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อยืดอายุการใช้งานขอ วาล์วไปอีกหน่อยซึ่งจะมากล่าวในบทความต่อไป
![](http://www.bp-tanks.com/images/introc_1234420532/Copy%20of%20hhhhh.jpg)
อายุของวาล์วลูกลอยเฉลี่ยก็อยู่ประมาณ 1-3 ปี ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ขึ้นอยู่กับเหตุผลหลายอย่าง เช่นคุณภาพ ของน้ำ, คุณภาพของวาล์ว,ความถี่ในการปิดเปิดวาล์ว เป็นต้น ถ้าท่านอยู่บ้านทุกวันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าท่านไม่ค่อยจะอยู่บ้าน แนะนำให้ท่านเปลี่ยนวาล์วทุกๆ 2 ปีถึงแม้ว่าวาล์วนั้นจะเสียหรือไม่ก็ตามเพื่อความสบายใจ และป้องกันการเกิดน้ำล้นถัง ขณะท่านไม่อยู่บ้านซึ่งจะนำพามาซึ่งผลเสียหลายๆอย่าง
![](http://www.bp-tanks.com/images/introc_1234420532/backcare_diagrams4.jpg)
การเปลี่ยนวาล์วลูกลอยนั้น ถ้าท่านมีความรู้เชิงช่างอยู่บ้าง ก็จะเปลี่ยนเองได้ไม่ยาก แต่ถ้าท่านจ้างช่างมาทำให้ก็ต้องเสียค่าแรงให้เขา น่าจะอยู่ประมาณ 200-300 บาท แต่มีวาล์วลูกลอยของถังน้ำสแตนเลส บางยี่ห้อ ที่มีวาล์วลูกลอยอยู่ก้นถังจะมีปัญหาเวลาเปลี่ยน นั่นคือ เมื่อท่านถอดลูกลอยแล้ว ท่านจะเอาลูกลอยออก หรือประกอบใหม่ได้อย่างยากเย็นยิ่งนักท่านจะต้องถ่ายน้ำออกให้หมดแล้วค่อยๆหย่อนลูกลอยลงไปก้นถังด้วยเชือก เพราะไม่มีใครสามารถใครลงไปทำงานที่ก้นถังได้ เนื่องจากปากถังมีความกว้างเพียง 45 เซนต์เท่านั้น มาถึงตอนนี้ท่านคงจะจินตนาการเห็นแล้วว่า จะเกิดความยุ่งยากแค่ไหนในการเปลี่ยนวาล์วลูกลอยที่อยู่ก้นถัง นอกจากความยุ่งยากแล้ว ยังใช้เวลานานอีกด้วย มาถึงตอนนี้ท่านจะต้องพิจารณาเองว่าท่านควรจะเลือกซื้อ ถังน้ำ แบบไหน
หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์กับท่านไม่มากก็น้อยในโอกาสหน้าเราจะนำบทความที่ เป็นประโยชน์มานำเสนอท่านต่อไป
(อนุญาติให้นำบทความนี้ไปเผยแพร่ได้ ด้วยความปราถนาดีจาก http://www.bp-tanks.com เกี่ยวกับ ถังน้ำบนดิ ถังน้ำใต้ดิน ถังน้ำสแตนเลส ถังน้ำสเตนเลส แท้งค์น้ำ ถังบำบัดน้ำเสีย ถังเกรอะ )
(คำค้นหา: ถังน้ำ ถังเก็บน้ำ ถังน้ำดี ระบบน้ำ ถังน้ำพลาสติก ถังน้ำสเตนเลส ) |